การสมาสคำ
เป็นการสร้างคำขึ้นเพื่อเพิ่มคำใหม่ประเภทหนึ่ง เพื่อให้เพียงพอแก่ความต้องการสื่อสาร โดยนำคำตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไป มารวมเป็นคำเดียวกัน คำที่นำมารวมกันนี้เป็นคำที่ยืมมาจากภาษาบาลีสันสกฤต เรียกว่า “คำสมาส” คำสมาสจะเป็นคำที่มีความหมายใหม่ คำที่มีความหมายหลักมักจะอยู่ข้างหลัง คำที่ช่วยขยายความหมายจะอยู่ข้างหน้า ดังนั้นการแปลคำสมาสจึงมักจะแปลจากท้ายมาหาคำหน้า เช่น
- มหา (ยิ่งใหญ่) + ชาติ (การเกิด) เท่ากับ มหาชาติ หมายถึง การเกิดครั้งยิ่งใหญ่
- วีร (กล้าหาญ) + บุรุษ (ชาย) เท่ากับ วีรบุรุษ หมายถึง ชายผู้กล้าหาญ
- อุทก (น้ำ) + ภัย (อันตราย) เท่ากับ อุทกภัย หมายถึง ภัยอันตรายที่เกิดจากน้ำท่วม
คำสมาส (อ่านว่า สะ – หมาด) คือ การนำคำภาษาบาลีและ/หรือสันสกฤตตั้งแต่ ๒ คำขึ้นไปมารวมกันเป็นคำเดียว มีความหมายเกี่ยวเนื่องกัน โดยคำหลักมักอยู่ข้างหลัง คำขยายมักอยู่ข้างหน้า เช่น ราชธานี คำว่า ธานี ซึ่งแปลว่าเมืองจะอยู่ท้ายคำ
การสร้างคำสมาส คำสมาสในภาษาไทยมีวิธีการสร้างคำ ดังนี้ ๑.นำคำภาษาบาลีและสันสกฤตมาต่อกัน อาจเป็นคำภาษาบาลีต่อกับภาษาบาลี หรือคำภาษาสันสกฤตต่อกับภาษาสันสกฤต หรือคำภาษาบาลีต่อกับภาษาสันสกฤตก็ได้ เมื่อแปลคำสมาสจะแปลจากคำหลังไปหาคำหน้า ตัวอย่าง
- ถาวร (มั่นคง, ยั่งยืน) + วัตถุ (สิ่งของ) (บาลี + บาลี) = ถาวรวัตถุ
หมายถึง สิ่งของที่ก่อสร้างที่มั่นคง ยั่งยืน เช่น โบสถ์ วิหาร
- ฌาปน (การเผาศพ) + กิจ (ธุระ, งาน) (บาลี + บาลี) = ฌาปนกิจ
หมายถึง งานเกี่ยวกับการเผาศพ
- ราช (พระเจ้าแผ่นดิน) + ฐาน (ที่อยู่) (บาลี + บาลี) = ราชฐาน
หมายถึง ที่อยู่ของพระเจ้าแผ่นดิน
- เกษตร (ที่ดิน, ไร่,นา) + กรรม (การกระทำ) (สันสกฤต + สันสกฤต) = เกษตรกรรม
หมายถึง การใช้ที่ดินเพาะปลูก
- ไตร (สาม) + ลักษณ์ (ลักษณะ) (สันสกฤต + สันสกฤต) = ไตรลักษณ์
หมายถึง ลักษณะ ๓ ประการ คือ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความมิใช่ตัวตน
- คณิต (การคำนวณ) + ศาสตร์ (ระบบวิชาความรู้) (สันสกฤต + สันสกฤต) = คณิตศาสตร์
หมายถึง วิชาว่าด้วยการคำนวณ
- หัตถ (มือ) + กรรม (การกระทำ) (บาลี + สันสกฤต) = หัตถกรรม
หมายถึง งานช่างที่ทำด้วยมือ
*ข้อสังเกต การสร้างคำวิธีนี้เป็นการนำคำมาเรียงต่อกัน และในการอ่านมักอ่านออกเสียงพยางค์เชื่อมระหว่างคำที่มาต่อกัน แต่มีบางคำไม่อ่านออกเสียงพยางค์เชื่อมระหว่างคำ หรือบางคำจะอ่านออกเสียงพยางค์เชื่อมระหว่างคำหรือไม่ก็ได้ เช่น
- เกียรติคุณ อ่านว่า เกียด – ติ – คุน
- มาตุภูมิ อ่านว่า มา – ตุ – พูม
หมายถึง บ้านเกิดเมืองนอน
- เกียรตินิยม อ่านว่า เกียด – นิ – ยม
- จิตพิสัย อ่านว่า จิด – พิ – ไส
- มูลนิธิ อ่านว่า มูน – นิ – ทิ หรือ มูน – ละ – นิ – ทิ
- ศิลปกรรม อ่านว่า สิน – ปะ – กำ หรือ สิน – ละ – ปะ – กำ
๒.นำคำภาษาบาลีสันสกฤตมาเชื่อมกันเป็นคำเดียวกันอีกแบบหนึ่ง บางครั้งเรียกว่า”สมาสมีสนธิ” หมายถึง การนำคำบาลีสันสกฤต ๒ คำ มาเชื่อมต่อเสียง ให้เสียงกลมกลืนกับพยางค์ต้นของคำหลัง มักเป็น อะ อา อิ อี หรือ อุ อู ไปเชื่อมกับพยางค์ท้ายของคำต้น คำที่นำมาเชื่อมกันนี้อาจเป็นคำภาษาบาลีต่อกับคำภาษาบาลี หรือคำภาษาสันสกฤตต่อกับคำภาษาสันสกฤต หรือคำภาษาบาลีต่อกับคำภาษาสันสกฤตก็ได้ และเมื่อแปลความหมายจะแปลจากคำหลังไปหาคำหน้า เช่น
ตัวอย่าง
- ภัตต (อาหาร) + อาคาร (เรือน) (บาลี + บาลี) = ภัตตาคาร
- เลขา (การเขียน) + อนุการ (การทำตาม) (บาลีสันสกฤต + บาลีสันสกฤต) = เลขานุการ
- ศิระ (หัว, ยอด) + อาภรณ์ (เครื่องประดับ) (สันสกฤต + บาลี) = ศิราภรณ์
- ปรม (อย่างยิ่ง) + อณู (เล็ก, ละเอียด) (บาลี + บาลี) = ปรมาณู
- สุข (ความสบายกาย, สบายใจ) + อารมณ์ (ความรู้สึกทางใจ) (บาลี + บาลี) = สุขารมณ์
- ราชา (พระเจ้าแผ่นดิน) + อุปโภค (เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์) (สันสกฤต + สันสกฤต) = ราชูปโภค
*ข้อสังเกต มีคำในภาษาไทยหลายคำที่มีการประกอบคำคล้ายคำสมาส คือ นำศัพท์มาเรียงต่อกันและสามารถอ่านออกเสียง อะ อิ อุ เชื่อมระหว่างคำที่มาต่อกัน แต่ไม่ใช่คำสมาส เพราะไม่ใช่คำรวมของคำที่มาจากภาษาบาลีสันสกฤต และมีภาษาอื่นปน เช่น
- คุณ + ค่า (บาลี + ไทย) อ่านว่า คุน – นะ – ค่า, คุน – ค่า
- ชีว + เคมี (สันสกฤต + อังกฤษ) อ่านว่า ชี – วะ – เค – มี
- เทพ + เจ้า (บาลี + ไทย) อ่านว่า เทบ – พะ – เจ้า
- ทุน + ทรัพย์ (ไทย + สันสกฤต) อ่านว่า ทุน – นะ – ซับ
- เมรุ + มาศ (บาลี + เขมร) อ่านว่า เม – รุ – มาด
- บรรจุ + ภัณฑ์ (เขมร + บาลีสันสกฤต) อ่านว่า บัน – จุ – พัน
- พล + เรือน (บาลี + ไทย) อ่านว่า พน – ละ – เรือน
ลักษณะของคำสมาส ๑.คำที่สมาสกันต้องเป็นคำบาลี สันสกฤตเท่านั้น อาจจะเป็นบาลีสมาสกับบาลี เช่น ทิพโสต ขัตติยมานะ สันสกฤตสมาสกับสันสกฤต เช่น อักษรศาสตร์ บุรุษโทษ บาลีสมาสกับสันสกฤต เช่น วิทยาเขต วัฒนธรรม ๒.คำสมาสไม่ต้องประวิสรรชนีย์หรือมีเครื่องหมายทัณฑฆาตที่อักษรสุดท้ายของคำหน้า เช่น ศิลปกรรม ธุรการ สัมฤทธิ์บัตร วารดิถี ๓.คำที่นำมาสมาสกันแล้ว ความหมายหลักอยู่ที่คำหลัง ส่วนความรองจะอยู่ข้างหน้า เช่น ยุทธ (รบ) + ภูมิ (แผ่นดิน / สนาม) = ยุทธภูมิ (สนามรบ) ๔.คำที่รวมกันแล้วไม่เปลี่ยนแปลงรูปคำแต่อย่างใด เช่น วัฒน + ธรรม = วัฒนธรรม / โลก + บาล = โลกบาล ๕.คำสมาสเมื่อออกเสียงต้องต่อเนื่องกัน เช่น ภูมิศาสตร์ อ่านว่า พู – มิ – สาด / เกตุมาลา อ่านว่า เก – ตุ – มา – ลา
หลักการสังเกตคำสมาส ๑.คำที่สมาสกันต้องเป็นคำบาลี สันสกฤตเท่านั้น เช่น ทิพโสต ขัตติยมานะ กิจการ(บาลีสมาสกับบาลี) อักษรศาสตร์ บุรุษโทษ (สันสกฤตสมาสกับสันสกฤต) วิทยาเขต วัฒนธรรม (บาลีสมาสกับสันสกฤต) ๒.คำสมาสมีลักษณะคล้ายการนำคำสองคำมาวางเรียงต่อกัน เวลาอ่านจะมีเสียงสระต่อเนื่องกัน ๓.ไม่มีการประวิสรรชนีย์ ( ) และ ไม่ใส่เครื่องหมายทัณฑฆาต เช่น มนุษยสัมพันธ์ พลศึกษา ๔.การเรียงคำ คำหลักจะอยู่ข้างหลัง ดังนั้นการแปลจึงแปลความหมายจากหลังมาหน้า ๕.คำ “พระ” ประกอบหน้าคำบาลี สันสกฤต จัดเป็นคำสมาส ๖.คำที่ลงท้ายด้วยคำว่า ศาสตร์ กรรม ภาพ ภัย ศึกษา มักเป็นคำสมาส
**หมายเหตุ : ยกเว้นคำสมาสบางคำที่วางคำตั้งหรือคำหลักเป็นคำหน้าและวางคำขยายเป็นคำหลังจึงสามารถแปลความหมายจากหน้าไปหลังได้ เช่น บุตรธิดา หมายถึง ลูกและภรรยา สมณพราหมณ์ หมายถึง พระสงฆ์และพราหมณ์ ทาสกรรมกร หมายถึง ทาสและกรรมกรฯลฯ
***แนวคิด : คำไหนมี “ ะ ” หรือ ตัวการันต์ ระหว่างคำ คำนั้นไม่ใช่คำสมาส เช่น กิจจะลักษณะ วิพากษ์วิจารณ์ พิมพ์ดีด
ตัวอย่างคำสมาส
ธุรกิจ |
กิจกรรม
|
กรรมกร
|
ขัณฑสีมา
|
คหกรรม
|
เอกภพ |
กาฬทวีป
|
สุนทรพจน์
|
จีรกาล
|
บุปผชาติ
|
ประถมศึกษา |
ราชทัณฑ์
|
มหาราช
|
ฉันทลักษณ์
|
พุทธธรรม
|
วรรณคดี |
อิทธิพล
|
มาฆบูชา
|
มัจจุราช
|
วิทยฐานะ
|
วรรณกรรม |
สัมมาอาชีพ
|
หัตถศึกษา
|
ยุทธวิธี
|
วาตภัย
|
อุตสาหกรรม |
สังฆราช
|
รัตติกาล
|
วสันตฤดู
|
สุขภาพ
|
อธิการบดี |
ดาราศาสตร์
|
พุพภิกขภัย
|
สุคนธรส
|
วิสาขบูชา
|
บุตรทาน |
สมณพราหมณ์
|
สังฆเภท
|
อินทรธนู
|
ฤทธิเดช
|
แพทย์ศาสตร์ |
ปัญญาชน
|
วัตถุธรรม
|
มหานิกาย
|
มนุษยสัมพันธ์
|
วิทยาธร |
วัฏสงสาร
|
สารัตถศึกษา
|
พัสดุภัณฑ์
|
เวชกรรม
|
เวทมนตร์ |
มรรคนายก
|
อัคคีภัย
|
อุดมคติ
|
เอกชน
|
ทวิบาท |
ไตรทวาร
|
ศิลปกรรม
|
ภูมิศาสตร์
|
รัฐศาสตร์
|
กาฬพักตร์ |
ราชโอรส
|
ราชอุบาย
|
บุตรทารก
|
ทาสกรรมกร
|
พระหัตถ์ |
พระชงฆ์
|
พระพุทธ
|
พระปฤษฏางค์
|
วิทยาศาสตร์
|
กายภาพ |
กายกรรม
|
อุทกภัย
|
วรพงศ์
|
เกษตรกรรม
|
ครุศาสตร์ |
ชีววิทยา
|
มหกรรม
|
อัฏฐางคิกมรรค
|
มหาภัย
|
อุบัติเหตุ
ใช้คำประพันธ์ต่อไปนี้ตอบคำถาม ข้อ ๑ – ๕
ก. โบราณว่าเป็นข้าจอมกษัตริย์
ข. ราชสวัสดิ์ต้องเพียรเรียนรักษา
ค. ท่านกำหนดจดไว้ในตำรา
ง. มีมาแต่โบราณช้านานครัน
๑. ข้อใดมีเสียงสระประสม
๑. ข้อ ก ๒. ข้อ ข
๓. ข้อ ค ๔. ข้อ ง
เฉลย. ข้อ ข.
สระประสมตามหลักภาษาศาสตร์ มี 3 เสียง คือ เอีย เอือ อัว ข้อ ข. มีคำว่า “เพียร เรียน”
๒. ข้อใดมีคำที่ออกเสียงอักษรควบ
๑. ข้อ ก ๒. ข้อ ข
๓. ข้อ ค ๔. ข้อ ง
เฉลย ข้อ ๔
อักษรควบ คือ คำที่ออกเสียงพยัญชนะต้นควบกับ อักษร “ร, ล, ว” ข้อที่ ๔ คือคำว่า “ครัน”
๓. ข้อใดมีเสียงวรรณยุกต์ครบ ๕ เสียง
๑. ข้อ ก ๒. ข้อ ข
๓. ข้อ ค ๔. ข้อ ง
เฉลย ข้อ ๒
ก. โบราณว่าเป็นข้าจอมกษัตริย์ (สามัญ โท สามัญ โท สามัญ เอก เอก)ขาดเสียงตรี และจัตวา
ข. ราชสวัสดิ์ต้องเพียรเรียนรักษา(โท เอก เอก โท สามัญ สามัญ ตรี จัตวา) ครบทุกเสียง
ค. ท่านกำหนดจดไว้ในตำรา(โท สามัญ เอก เอก ตรี สามัญ สามัญ สามัญ) ขาดเสียงจัตวา
ง. มีมาแต่โบราณช้านานครัน(สามัญ สามัญ เอก สามัญ สามัญ ตรี สามัญ สามัญ) ขาดเสียงจัตวา
๔. ข้อใดมีอักษรต่ำน้อยที่สุด (ไม่นับอักษรที่ซ้ำกัน)
๑. ข้อ ก ๒. ข้อ ข
๓. ข้อ ค ๔. ข้อ ง
เฉลย ข้อ ๑ ในข้อนี้ เขาต้องการถามพยัญชนะต้นที่เป็นอักษรต่ำน้อยที่สุดโดยไม่นับเสียงซ้ำ วิเคราะห์ได้ดังนี้
ข้อ ๑ ร.ว
ข้อ ๒ ร ช ว พ
ข้อ ๓ ท น ว ร
ข้อ ๔ ม ร ช น ค
๕. ข้อใดมีอักษรนำ
๑. ข้อ ก และ ข ๒. ข้อ ข และ ค
๓. ข้อ ค และ ง ๔. ข้อ ง และ ก
เฉลยข้อ ๒
ข. มีคำว่า สวัสดิ์ (อักษรสูงนำอักษรต่ำเดี่ยว) ค. มีคำว่า “หนด”(ห. นำอักษรต่ำเดี่ยว)
๖. คำในข้อใดมีตัวสะกดมาตราเดียวกับ“เหตุผล” ทุกคำ
๑. พุดตานถอดถอนมลพิษ ๒. มดเท็จคิดสั้นจัดการ
๓. ผลัดเวรบทกลอนโทษทัณฑ์ ๔. สวดมนต์จุดอ่อนทรัพย์สิน
เฉลย ข้อ ๓
เนื่องจาก “เหตุผล” มีตัวสะกดมาตราแม่ กด และแม่ กน ตามลำดับ
ข้อ ๑ คำว่า มลพิษ ไม่ใช่ เพราะสะกดด้วยแม่ กน และแม่กด
ข้อ ๒ คำว่า มดเท็จ ไม่ใช่ เพราะสะกดด้วยแม่ กดทั้งสองพยางค์
ข้อ ๔ คำว่า ทรัพย์สิน ไม่ใช่ เพราะสะกดด้วยแม่ กบ และแม่กน
๗. คำซ้ำในข้อใดต้องใช้เป็นคำซ้ำเสมอ
๑. คนงานใหม่ขยันเป็นพักๆเอาแน่ไม่ได้
๒. นักเรียนอนุบาลหกล้มหัวเข่าแตกเลือดไหลซิบๆ
๓. งานนี้ถึงจะได้เงินเดือนน้อยก็ทำไปพลางๆก่อนแล้วกัน
๔. ถ้าเราวางแผนให้ดีตั้งแต่แรกๆโครงการนี้ก็คงสำเร็จไปแล้ว
เฉลย ข้อ ๑
เหตุเพราะว่า หากไม่ใช่เป็นคำซ้ำ จะไม่ได้ความหมาย หรือ ความหมายอาจเปลี่ยนไปก็ได้ วิธีการคิดคือ ให้ลองอ่านและพิจารณาเอาเครื่องหมายไม้ยมกออกดูว่าได้ความหมายหรือไม่ หรือความหมายเปลี่ยนไปหรือไม่
๘. ข้อใดเป็นคำซ้อนทุกคำ
๑. ซ้ำซ้อน ซ่อนรูป ซักฟอก ๒. ถ่องแท้ ถี่ถ้วน ถากถาง
๓. บีบคั้น เบียดเบียน เบาความ ๔. แปรผัน เป่าหู โปรยปราย
เฉลย ข้อ ๒
ข้อ ๑ คำว่า “ซ่อนรูป” เป็นคำประสม
ข้อ ๓ คำว่า “เบาความ” เป็นคำประสม
ข้อ ๔ คำว่า “เป่าหู” เป็นคำประสม
๙. ข้อความต่อไปนี้ส่วนใดมีคำประสมทั้ง ๒ ส่วน
๑) บริเวณสวนกว้างขวาง / ๒) มีสนามที่ได้รับการดูแลจากเทศบาลเมือง /
๓) มีประติมากรรมเป็นรูปเทพธิดาแสนงาม / ๔) มุมหนึ่งมีนาฬิกาแดดคอย
บอกเวลา
๑. ส่วนที่ ๑ และ ๔ ๒. ส่วนที่ ๒ และ ๓
๓. ส่วนที่ ๑ และ ๓ ๔. ส่วนที่ ๒ และ ๔
เฉลย ข้อ ๔
ส่วนที่ ๒ คำประสม คือคำว่า “เทศบาลเมือง”
ส่วนที่ ๔ คำประสมคือคำว่า “นาฬิกาแดด”
๑๐. ข้อใดมีคำประสมทุกคำ
๑. คำขาด คำคม คำราม ๒. เดินแต้ม เดินรถ เดินสะพัด
๓. น้ำป่า น้ำไหล น้ำมือ ๔. ติดลม ติดใจ ติดขัด
เฉลย ข้อ ๒
ข้อ ๑ คำว่า “คำราม” เป็น คำมูล
ข้อ ๓ คำว่า “น้ำไหล” เป็น กลุ่มคำ
ข้อ ๔ คำว่า “ติดขัด” เป็น คำซ้อน
๑๑. ข้อใดไม่มีคำสมาส
๑. วิสุทธโยธามาตย์เจ้า กรมขวา
๒. หนึ่งชื่อราชโยธา เทพซ้าย ๓. ตำแหน่งศักดิ์ยศถา เสถียรที่ ๔. คุมพยุหยาตราย้าย ย่างเข้าตามสถาน
เฉลยข้อ 3
เหตุผล ข้อ 3 ไม่มีคำสมาส คำว่า “ศักดิ์ยศถา” ดูคล้ายคำสมาส แต่ไม่ใช่ เป็นการเรียงคำ
เท่านั้น
ข้อ 1 “โยธามาตย์” เป็นคำสมาส
ข้อ 2 “ราชโยธา” เป็นคำสมาส
ข้อ 4 “พยุหยาตรา” เป็นคำสมาส
๑๒. ข้อใดมีคำสมาสที่มีการสร้างคำต่างกับข้ออื่น
๑. ขับคเชนทร์สาวก้าว ส่ายเสื้องเทาทาง
๒. สถานที่พุทธบาทสร้าง สืบไว้แสวงบุญ
๓. สุธารสรับพระเต้า เครื่องต้นไปตาม
๔. โดยเสด็จดำเนินแคล้ว คลาดคล้อยบทจร
เฉลยข้อ 1
เหตุผล ข้อ 1 คำว่า “คเชนทร์” เป็นคำสมาสแบบมีสนธิซึ่งต่างกับข้ออื่น
ข้อ 2 “พุทธบาท” เป็นคำสมาสแบบไม่มีสนธิ
ข้อ 3 “สุธารส” เป็นคำสมาสแบบไม่มีสนธิ
ข้อ 4 “บทจร” เป็นคำสมาสแบบไม่มีสนธิ
๑๓. ข้อใดสะกดถูกทุกคำ
๑. เขากินอาหารมังสวิรัตทุกวันพุธมาสามปีแล้ว
๒. ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านมียามรักษาการอยู่ตลอดเวลา
๓. คนที่ซื้อทองรูปพรรณต้องจ่ายเงินค่ากำเหน็จด้วย
๔. เพื่อนเห็นเขานั่งหลับจึงถามว่าเข้าฌานถึงชั้นไหนแล้ว
เฉลยข้อ 3
เหตุผล ข้อ 3 คำว่า “กำเหน็จ” สะกดถูกต้อง หมายถึง ค่าจ้างทำเครื่องเงินหรือทองรูปพรรณ
ข้อ 1 คำว่า “มังสวิรัต” สะกดผิด ที่ถูกคือ “มังสวิรัติ” เพราะ วิรัติ หมายถึงงดเว้น,เลิก
ข้อ 2 คำว่า “รักษาการ” สะกดผิด ที่ถูกคือ “รักษาการณ์” หมายถึง เฝ้าดูแลเหตุการณ์
ข้อ 4 คำว่า “เข้าฌาณ” สะกดผิด ที่ถูกคือ “เข้าฌาน” ฌาน หมายถึงภาวะที่จิตสงบแน่วแน่๑๔. ข้อใดมีคำสะกดผิด
๑. ดาวพระศุกร์ที่เห็นในเวลาเช้ามืดเรียกว่าดาวประกายพรึก
๒. ในสวนสาธารณะมีคนมาออกกำลังกายกันอยู่ประปราย
๓. กระบะที่ลงรักแบบญี่ปุ่นและจีนเรียกว่าเครื่องกำมะลอ
๔. ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทุกครอบครัวต้องกระเบียดกระเสียน
เฉลยข้อ 4
เหตุผล ข้อ 4 คำว่า “กระเบียดกระเสียน” สะกดผิด ที่ถูกคือ “กระเบียดกระเสียร”
หมายถึง พยายามใช้อย่างจำกัดจำเขี่ย
ใช้ข้อความในพจนานุกรมต่อไปนี้ตอบคำถาม ข้อ ๑๕-๑๖
๑๕. มีคำที่เป็นคำตั้งหรือแม่คำกี่คำ
๑. ๓ คำ ๒. ๔ คำ ๓. ๕ คำ ๔. ๖ คำ
เฉลยข้อ3
เหตุผล ข้อ 3 มีคำตั้ง หรือ แมค่ ำ 5 คำ คอื จวัก จอ1 จอ2 จ่อ 1 จ่อ 2 คำตั้ง หมายถึงคำที่ยกขึ้นตั้งเพื่อนิยามความหมาย ในการทำพจนานุกรม
๑๖. มีคำที่ระบุว่าใช้เฉพาะแห่งกี่คำ
๑. ๑ คำ ๒. ๒ คำ ๓. ๓ คำ ๔. ๔ คำ
เฉลยข้อ 2
เหตุผล ข้อ 2 มี 2 คำ คือ จ่อคิว (ปาก) และจ่อ2 (ถิ่น-อีสาน) เพราะ (ปาก) และ
(ถิ่น) ในพจนานุกรมระบุว่าเป็นคำบอกลักษณะของคำที่ใช้เฉพาะแห่ง
๑๗. คำภาษาอังกฤษในข้อใดใช้คำไทยแทนไม่ได้
๑. จินดาทำข้อสอบหลายวิชาจนรู้สึกเบลอร์ไปหมด
๒. จิตราเป็นดีไซเนอร์ประจำห้องเสื้อที่มีชื่อเสียง
๓. จินตนาไปหาหมอเพื่อใช้แสงเลเซอร์รักษาผิวหน้า
๔. จิตรลดาเป็นวิสัญญีแพทย์ระดับอินเตอร์ของโรงพยาบาลนี้
เฉลยข้อ 3
เหตุผล ข้อ 3 คำว่า “เลเซอร์” ไม่มีคำไทยใช้
ข้อ 1 คำว่า “เบลอร์” ใช้คำว่า งุนงง แทนได้
ข้อ 2 คำว่า “ดีไซเนอร์” ใช้คำว่า นักออกแบบ แทนได้
ข้อ 4 คำว่า “อินเตอร์” ใช้คำว่า สากล แทนได้๑๘. ข้อใดเป็นคำศัพท์บัญญัติจากคำภาษาอังกฤษทุกคำ
๑. จุลทรรศน์ จุลินทรีย์ จุลกฐิน ๒. สังคม สังเคราะห์ สังโยค
๓. สมมาตร สมมุติฐาน สมเพช ๔. วิกฤตการณ์ วิจัย วิสัยทัศน์
เฉลยข้อ 4
เหตุผล ข้อ 4 คำว่า “วิกฤตการณ์” บัญญัติศัพท์มาจาก crisis “วิจัย” บัญญัติมา
จาก research “วิสัยทัศน์” บัญญัติศัพท์มาจาก vision
ข้อ 1 คำว่า “จุลกฐิน” ไม่ใช่คำที่มาจากภาษาอังกฤษ เป็นคำสมาส
ข้อ 2 คำว่า “สังโยค” ไม่ใช่คำที่มาจากภาษาอังกฤษเป็นคำที่มาจาก
ภาษาบาลี-สันสกฤต
ข้อ 3 คำว่า”สมเพช” ไม่ใช่คำที่มาจากภาษาอังกฤษเป็นคำที่มาจากภาษาบาลี-สันสกฤต
๑๙. ข้อใดไม่มีคำยืมภาษาบาลีสันสกฤต
ก. วันจะจรจากน้องสิบสองค่ำ
ข. พอจวนย่ำรุ่งเร่งออกจากท่า
ค. รำลึกถึงดวงจันทร์ครรไลลา
ง. พี่ตั้งตาแลแลตามแพราย
๑. ข้อ ก และ ข ๒. ข้อ ก และ ค ๓. ข้อ ข และ ง ๔. ข้อ ค และ ง
เฉลยข้อ 3
เหตุผล ข้อ 3 เพราะข้อ ข และ ง ทุกคำเป็นคำไทย
ข้อ 1 ข้อ ก มีคำว่า “จร” เป็นคำยืม
ข้อ 2 ข้อ ก มีคำว่า “จร” เป็นคำยืม ข้อ ค มีคำว่า “จันทร์” เป็นคำยืม
ข้อ 4 ข้อ ค มีคำว่า “จันทร์” เป็นคำยืม
๒๐. ข้อใดใช้คำลักษณนามไม่ถูกต้อง
๑. เขาสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของหน่วยงานได้ครบทุกข้อ
๒. นักวิชาการเสนอข้อคิดเห็นไว้ในบทสรุปของรายงานหลายประการ
๓. รัฐบาลมีปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไขหลายเรื่อง
๔. คณะกรรมการกำลังพิจารณาคำขวัญที่ส่งเข้าประกวด ๕๐ บท
เฉลยข้อ 4
เหตุผล ข้อ 4 คำขวัญ ต้องใช้ลักษณะนามว่า “คำขวัญ”ตามข้อกำหนดของราชบัณฑิตยสถาน
ข้อ 1 เงื่อนไข ใช้ลักษณะนามว่า “ข้อ” ถูกต้อง
ข้อ 2 ข้อคิดเห็น ใช้ลักษณะนามว่า “ประการ” ถูกต้อง
|
กรรมกร
|
สันติภาพ
|
มหานคร
|
จตุปัจจัย
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น